Sketch Drawing Painting Travel

Wednesday 29 September 2010

เทคนิคประสม .....ใคร??

เอารูปภาพเทคนิคผสมสมัยเรียนเมื่อหลายปีดีดัก มาแบ่งกันชมครับ

ดูๆแล้วผมเองก็เริ่มคิดมากตั้งแต่สมัยนั้นเลยหรือเนี่ยะ

ภาพนี้ใช้หลากหลายเทคนิคครับ 

ทั้งสีน้ำกับสีน้ำมัน สีชอล์กน้ำมัน สีอาครายลิค

อักทั้งเรื่องราวยังเกี่ยวกับความเชื่อ ชีวิต และความรัก

ในใจบางทีก็นึกน้อยใจหลายเรื่องโน้นนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยครับ

บางครั้งก็ฮึกเหิม กล้าซะจนบ้าบิ่น 

ไม่กล้วความเจ็บปวดหรือความผิดพลาดหลายๆอย่างที่จะตามมา

มีหลากหลายคำถามที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น
ตอนที่ความรู้สึกรุนแรง ต่อต้าน กับสังคมการดำเนินชีวิตในโลกใบนี้
ที่ต่างคนต่างหากินแก่งแย่งแข่งขัน แล้วก็ ขอ ขอ ขอ ขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์
จนงงๆว่าเราขอพรอธิษฐานให้เห็นธรรมโดยเร็ว ให้ปลดปล่อยพ้นจากทุกข์

หรือขอพรเพื่อหวังลาภ ยศ สรรเสริญ อธิษฐานเพื่อหวังได้ ไม่ได้หวังที่จะปลดปล่อย ขอให้เข้าไปอยู่ในทุกข์ไวไว
เรามองอะไรกันพลาดมาตั้งแต่ตอนไหน ...หรือเปล่า
เรายึดติดที่ภาพลักษณ์ที่เป็นเปลือกหรือแก่นสาร
เปลือกที่ห่อหุ้มกับแก่นแท้ภายใน เรามองแยกออกมั้ย
และแล้วทุกอย่างก็ถูกลืมเลือน
ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกดูดเข้ามาสู่วังวนแห่งนี้
แรงดึงดูดแห่งความอยากได้ อยากมีมันช่างมากมายซะเหลือเกิน

จนมาถึงปัจจุบันที่ไม่นานมานี่เอง...
ผมมีโอกาสไปนั่งดูกิจกรรมที่ทางหน่วยงานราชการจัดให้ชม
วันนั้นจำได้ว่าไปดูคอนเสริต ของใครสักคนนี่แหละ
แน่นนอนไม่ต้องสงสัยว่าใคร เพราะผมนึกชื่อไม่ออก
เพราะถ้าเป็นฟิลม์ผมคงจำได้อย่างไม่ต้องสงสัย ฮืมมม..แอนนี่ด้วย

ผมค่อยๆเดินเข้าไปดูการแสดงวันนั้นอย่างห่างๆครับ
ว่าจะเข้าไปนั่งเก้าอี้ด้านหน้าสักหน่อย อันนี้แน่นอนเลยครับว่าเป็นศิลปินหญิง
ก็เกิดอาการไม่กล้าซะอย่างงั้นน่ะ สาเหตุเพราะ...
ด้านหน้าเขามักจะจัดให้บรรดาท่านประธานจัดงาน
แขกผู้มีเกือก อุ่ย!มีเกียรติทั้งหลายได้นั่งตัวตรงตั้งเด่ ชมคอนเสริต
ที่นักร้องทั้งเต้นทั้งดิ้นกันแถบตายอยู่บนเวที
แต่ท่านทั้งหลายเหล่านั้น เหมือนกับดูละครฆาตรกรรมซะงั้น

หลังจากจบการแสดงสั้นๆ(มาร้องสองสามเพลง )
ชายผู้ใส่สูทที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ท่านประธานคนนั้น
ก็ลุกเดินขึ้นไปบนเวที พร้อมโอบคอนักร้องคนนั้นอย่างเป็นกันเองเพื่อถ่ายภาพ
บรรดานักข่าวท้องถิ่น คนดูที่ถือกล้องต่างวิ่งกรูเข้าไปเพื่อถ่ายภาพ
จากนั้นชายใส่สูทคนนี้ก็เดินลงมาด้านข้างเวที เราเองก็อยากไปถ่ายด้วยเหมือนกันแหละ
เห็นเขากดชัดเตอร์กันใหญ่ก็อยากถ่ายกะเขามั่ง

ตอนนี้นี่เองที่ทุกอย่างเริ่มดูแปลกๆ มีกลุ่มอาสาสมัครดูแลความปลอดภัยในงาน
ได้เข้ามารุมชายคนนั้น แล้วลากแขนชายผู้ใส่สูทผมเรียบคนนั้นออกจากหน้าเวที

เขาเป็นใคร..?? ผมเริ่มสงสัย..เห็นมาดนุ่มๆ แบบนั้น
ท่าทางการยืนเอคติ้งถ่ายรูปก็ไม่ใช่ธรรมดาๆ
มีรู้จักมุมกล้องอีกต่างหาก เอียงมาเชียะทุกมุมที่มีกล้อง
แล้วทำไมเหล่าอาสาสมัครมาทำกับเขาแบบนั้น ??
????????????????????

ในที่สุดผมก็ได้คำตอบว่าประธานเพิ่งเดินทางมาถึง
อ้าว ! แล้วหมอนี่เป็นใครฟระ...

หลายๆคนคงอดสงสัยไม่ได้เหมือนๆกับผมที่หน้าโง่ๆอยู่แล้ว กับโง่เพิ่มแบบไม่รู้ตัว
คำตอบคือ..ชายคนนี้สติไม่ค่อยสมประกอบเท่าไหร่
หลายๆคนที่อยู่บริเวณนั้นเขารู้กันดี เพราะเห็นแกใส่สูท เดินไปมาประจำ
เจอนักร้อง ดารา คนดังที่ไหนเป็นเข้าไปถ่ายรูปด้วยแบบเนียนๆ
แล้วคนที่ถูกถ่ายด้วยก็งงๆว่านี่ตรูถ่ายกับ นักการเมืองที่ไหนฟระ

ผมก็ยังคงเป็นเหมือนกับคนอื่นๆที่อยู่ทั่วๆไป
ที่มองใครก็ตัดสินคนนั้นจากเปลือกที่ห่อหุ้มภายนอกในครั้งแรก

ใครจะคิดว่าคนที่สติไม่สมประกอบ จะลุกขึ้นมาใส่สูท หวีผมเรียบ ดูสุขุมนุ่มลึก ชี้ไม้ชี้มือสั่งนู้นนี่
นั่งเก้าอี้ประธาน แล้วขึ้นเวทีถ่ายรูปกับนักแสดง อย่างเนียนระดับเทพ
จะเป็นคนสติไม่ดี หรือคนบ้าอย่างที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกกัน


สารพัดคำถามเกิดขึ้นในตอนนั้นในสมัยเรียน ก็คงเลยมาถึงตอนนี้ด้วยแหละ
ว่าเรายังยึดติดกับเปลือกที่หุ้มอยู่มากขึ้นหรือลดน้อยลง
ถ้าเปลือกของชายคนนั้นคือสูทกับทรงผม แล้วของหลายๆคนคืออะไร
อะไร ?? ไม่ต้องตอบผม คำตอบอยู่กับทุกคนที่เห็นมันได้ด้วยตาใจ

แต่ความคิดแบบนี้ของผมก็เบาบางลงมามาก ในเมื่อหลายๆคำตอบได้ถูกคลี่คลายลงไป
เบาบางจากการมองโลกให้ง่ายขึ้น มองในอย่างที่โลกเป็น
ไม่ได้มองโลกในอย่างที่เราอยากให้เป็น เพราะสิ่งที่เราอยากให้เป็นมันอยู่ไกลซะเหลือเกิน 



No comments: